มนุษย์แต่ละคนผ่านเรื่องราวในอดีตมาแตกต่างกัน โตมาในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน มีครอบครัวที่แตกต่างกัน ผ่านความเจ็บปวดและการถูกกระทำในรูปแบบที่แตกต่างกัน ส่งผลมนุษย์ให้มนุษย์แต่ละคนมี “ความเชื่อ” ที่แตกต่างกัน ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูกภายใต้ความเชื่อตามแนวคิดทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อปกป้องหรือวิ่งตามความเชื่อของตน ซึ่ง Attack On Titan ได้วาดภาพให้เห็นความเชื่อและการต่อสู้ตามความเชื่อทางการเมืองหลากหลายรูปแบบ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะเชื่อว่าการมีชีวิตอยู่ภายในกำแพงอย่างสงบสุข ไม่ต้องพบเจอโลกภายนอก คือสิ่งที่ดีที่สุด การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของกลุ่มที่มีความฝันจะได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่ โลกที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ คือสิ่งที่ดีที่สุด การกระทำรัฐประหารต่อฝ่ายบริหารที่พวกเขาเชื่อว่าไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง และการบริหารบ้านเมืองโดนกลุ่มของตน คือสิ่งที่ดีที่สุด การทำสงครามต่อเมืองอื่นที่เชื่อว่าจะเป็นภัยต่อเมืองของเราหากปล่อยไว้ในอนาคต คือสิ่งที่ควรทำ และการรุกคืบเพื่อทำลายล้างทุกเมืองที่คิดโจมตีเมืองของเรา คือสิ่งที่ควรทำ การต่อสู้ทางการเมืองไม่มีวันจบสิ้น เพราะเราต่างเชื่อไม่เหมือนกัน และไม่มีวันเป็นไปได้ที่เราจะทำให้คนทั้งโลก เชื่อเหมือนกับที่เราเชื่อ การต่อสู้ สงคราม และความสงบสุข จะเกิดขึ้นสลับกันไปมาแต่ละชั่วอายุคน ตราบใดที่โลกนี้ยังมีมนุษย์และมนุษย์ยังมีความเชื่อ เราจะได้เห็นความโกลาหลรูปแบบต่างๆ บนโลกใบนี้อยู่ร่ำไป
Attack On Titan อีกหนึ่งการ์ตูนยอดนิยมใน Netflix ที่นอกจากเต็มไปด้วยความสนุกครบรสแฝงไปด้วยแง่คิดทางการเมืองแล้ว ยังแฝงไปด้วยแนวคิดภาวะผู้นำซึ่งซ่อนอยู่ในตัวละครแต่ละตัว เริ่มจากตัวเอกของเรื่อง เอเรน เยเกอร์ เด็กหนุ่มผู้มีความใฝ่ฝันว่าอยากจะออกไปเห็นโลกภายนอกกำแพงมาตลอด จนกระทั่งวันที่เขาสูญเสียแม่ในเหตุการณ์ไททันบุกเข้ากำแพงมาเรีย จึงตั้งปณิธานว่าจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไททันให้หมดสิ้นและสมัครเป็นทหารเพื่อเข้าร่วมทีมสำรวจ ซึ่งเป็นหน่วยทหารหน่วยเดียวที่ได้ออกไปปฏิบัติการนอกกำแพง แม้เอเรนจะไม่มีความสามารถในการรบเท่า มิคาสะ แอ็กเกอร์แมน พี่สาวบุญธรรม และไม่ได้มีมันสมองอันเฉลียวฉลาดเหมือน อาร์มิน อาร์เลิร์ท เพื่อนของเขา แต่ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเอเรนก็แสดงให้เห็นว่า เขาสามารถพัฒนาความสามารถได้อย่างก้าวกระโดด และมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำหน่วยในการต่อสู้กับไททัน
รีไวล์ แอ็กเกอร์แมน หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของทีมสำรวจ ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด มีฝีมือการต่อสู้เป็นเลิศที่สุดในบรรดาทหารทุกหน่วย มีความเยือกเย็นเด็ดขาด แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำในการปฏิบัติตามคำสั่งของคนระดับสูงและให้ความสำคัญกับชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอจึงได้รับความเคารพศรัทธาจากลูกน้องอย่างยิ่ง รวมถึงเป็นตัวละครยอดนิยมอันดับหนึ่งจากผลสำรวจความนิยมตัวละครในทุกการสำรวจอีกด้วย
สุดท้าย เออร์วิน สมิธ หัวหน้าสูงสุดที่คอยควบคุมบัญชาการหน่วยสำรวจ เป็นผู้นำที่มีความคิดเฉลียวฉลาดลึกซึ้ง หลายครั้งที่เออร์วินแสดงให้เห็นบทบาทภาวะผู้นำของหัวหน้าหน่วย ที่เข้าโจมตีศัตรูนำหน้าลูกน้องเสมอ และยอมเสียสละกระทั่งร่างกาย หรือชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูกน้องและประชาชน จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรัชญาที่แฝงอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาที่สนใจศึกษาปรัชญาการเมืองการปกครอง รวมถึงศึกษาในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำทางสังคม หรือภาวะผู้นำทางการเมือง ในการรับชมเพื่อถอดบทเรียนที่ได้ มาประยุกต์ใช้กับการเรียนและการทำงานในอนาคต
by จอมเดช ตรีเมฆ / วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต / 14.04.2564
ขอบคุณภาพจาก https://clubsister.com/